รหัสสินค้า | NC041 |
หมวดหมู่ | Neocell America's #1 Choice of Collagen |
ราคาปกติ | |
ลดเหลือ | 1,100.00 บาท |
น้ำหนัก | 150 กรัม |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
ลงสินค้า | 15 ต.ค. 2560 |
อัพเดทล่าสุด | 30 พ.ย. 2560 |
คงเหลือ | 0 Capsule |
Move Matrix Blend - Advance Joint Hydrator สูตรพิเศษช่วยเพิ่มและบำรุงน้ำในข้อต่อ ประกอบด้วย
คอลลาเจนชนิดที่ 2 หรือ คอลลาเจนไทพ์ทู ( Collagen Type II) เป็นพื้นฐานของกระดูกอ่อนข้อและกระดูกอ่อนโปร่งแสง ประกอบเป็น 60 % ของโปรตีนทั้งหมดในข้อและ 85-90% ของคอลลาเจนของกระดูกอ่อนข้อ
Collagen Type II ก่อเป็นเส้นใยฝอยได้ เครือข่ายคอลลาเจนเส้นใยฝอยนี้ทำให้กระดูกอ่อนดักการสะสมโปรตีโอไกลแคนตลอดจนให้ความทนแรงดึงต่อเนื้อเยื่อ
Collagen Type II เป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ แตกต่างจากคอลลเจนที่พบในเซลล์ผิวหนัง ซึ่งจะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3 และ 4 (Collagen Type 1, 3 และ 4) Collagen Type II จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของส่วนประกอบที่อยู่ในข้อ โดยกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เซลล์ใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มระดับของกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อเลี้ยงในข้อ และยังยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำหล่อเลี้ยงข้อ มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดข้อและข้อยึดได้ ทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้น
Collagen Type II มีการศึกษาทางคลีนิคพบว่าสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของส่วนประกอบที่อยู่ในข้อ โดยกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์เซลล์ใหม่เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มระดับของ กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อเลี้ยงในข้อ และยังยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำหล่อเลี้ยงข้อ จึงช่วยลดอาการปวดข้อและข้อยึดทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้น
การวิจัยระดับคลินิคโดย Crowly D.C. และคณะในปี ค.ศ.2009 พบว่าการรับประทาน Collagen Type II ขนาด 40 มิลลิกรัมต่อเนื่องกันเป็นเวลา 90 วัน มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการของภาวะโรคข้ออักเสบเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับการรับประทาน กลูโคซามีน 1,500 มิลลิกรัมและ คอนดรอยติน 1,200 มิลลิกรัมโดยพิจารณาจากอาการแสดงต่างๆของผู้ที่เจ็บป่วยโรคข้อ เช่น ความสะดวกในการเคลื่อนไหวร่างกาย
ถัดมาในปี 2012 Schauss A.G. และคณะ ได้ทำการศึกษาผลของคอลลาเจนไทพ์ทู ที่สกัดได้จากกระดูกช่วงอกของไก่ ซึ่งเป็นคอลลาเจนชนิดที่ผ่านกระบวนการย่อยด้วยเอนไซม์ นำมาทดสอบผลต่อโรคข้อเข่าหรือสะโพกเสื่อม ซึ่งการวิจัยเป็นแบบ Randomized double-blind, placebo-controlled study โดยทำการวิจัยในผู้ป่วยอาสาสมัครจำนวน 80 คนที่มีอาการของโรคข้อเข่าหรือสะโพกเสื่อม และมีอาการเจ็บปวดข้อ กลุ่มหนึ่งให้รับประทาน Collagen Type II ปริมาณ 2 กรัมต่อวัน และอีกกลุ่มให้รับประทานยาหลอก ติดต่อกันเป็นเวลา 70 วัน หลังจากนั้นประเมินผลการรักษาด้วยแบบทดสอบดังนี้ VAS Score, WOMAX Score และการประเมินอาการไม่พึงประสงค์จากการรักษา ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มที่รับประทานคอลลาเจนไทพ์ทูจะมี VAS Score และ WOMAX Score ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น นอกจากนี้กลุ่มที่รับประทานCollagen Type II ยังมีการใช้ยาแก้ปวด (พาราเซตามอล) เพื่อบรรเทาอาการปวดข้อลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก
ล่าสุดในปี 2013 Lugu J. P. และคณะได้ทำการศึกษาผลของ Collagen Type II ชนิดที่เป็นคอลลาเจนที่ยังคงโครงสร้างที่สมบูรณ์ ในกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 55 คนที่มีสุขภาพดี ไม่มีประวัติของโรคข้อเข่าเสื่อมแต่เริ่มมีอาการปวดข้อจากการใช้งานและการออกกำลังกาย ทำการวิจัยเป็นแบบ Randomized double-blind, placebo-controlled study โดยให้รับประทาน Collagen Type II ปริมาณ 40 มิลลิกรัมต่อวัน ทุกวันต่อเนื่องเป็นเวลา 120 วัน ติดตามผลโดยดูการเปลี่ยนแปลงความยืดหยุ่นของเข่าและวัดค่าการฟื้นตัวจากการปวดเข่าหลังการออกกำลังกาย ผลการทดลองพบว่ากลุ่มที่ทาน Collagen Type II มีความยืดหยุ่นของข้อเข่าดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้ทานและยังช่วยลดอาการปวดข้อที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกายอีกด้วย
จากงานวิจัยเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงทางเลือกใหม่ในการดูแลสุขภาพข้อ โดยนำCollagen Type II มาใช้รับประทานเสริม ปัจจุบันมีการศึกษาและสกัดคอลลาเจนไทพ์ทู ทั้งที่อยู่ในรูปของ อันดีเนเจอร์คอลลาเจนไทพ์ทู (Undenatured Collagen Type II) ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ยังคงโครงสร้างที่สมบูรณ์เอาไว้และ ไฮโดรไลซ์คอลลาเจนไทพ์ทู (Hydrolyzed Collagen Type II) ซึ่งเป็นคอลลาเจนซึ่งผ่านกระบวนการย่อยด้วยเอนไซม์ทำให้มีโครงสร้างที่เล็กลงพร้อมสำหรับการดูดซึม ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมาใช้เพิ่มมากขึ้น
โรคข้อเสื่อมเกิดจากอะไร
โรคข้อเสื่อมเกิดจากการสลายและสึกหรอของกระดูกอ่อนบริเวณข้อ ทำให้กระดูกอ่อนมีปริมาณลดลงจนเกิดการเสียดสีของกระดูกแข็ง ส่งผลให้เกิดอาการปวดบวมอักเสบและไม่สามารถใช้งานข้อได้ในที่สุด
โดยปัจจุบันผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมมีจำนวนมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้สูงอายุซึ่งก่อให้เกิดความทรมานและส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
ใครกันนะที่มีความเสี่ยงเป็นโรคข้อเสื่อม
1. คนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
2. คนที่มีน้ำหนักตัวมากโดยมีค่า BMI เกิน 25 (ค่า BMI สามารถคำนวณได้โดยนำน้ำหนักตัวหารด้วยความสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง)
3. คนที่มีกิจวัตรประจำวันที่ต้องเดินตลอดเวลา
4. คนที่รู้สึกว่าเข่าตัวเองยึด ฝืด หรือ งอลำบาก
ทำไม…เมื่ออายุมากขึ้นจึงเป็นโรคข้อเสื่อม ?
โดยปกติแล้วกระบวนการสร้างและกระบวนการสลายของกระดูกอ่อนบริเวณข้อจะเกิดขึ้นอย่างสมดุล แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือมีการใช้งานข้อต่าง ๆ มากขึ้น กระบวนการสลายกระดูกอ่อนจะเกิดมากกว่ากระบวนการสร้าง บวกกับความเสื่อมถอยของสุขภาพตามอายุที่พรากส่วนประกอบต่าง ๆ ในข้อไปด้วยแล้ว จึงยิ่งส่งผลให้กระดูกอ่อนบริเวณข้อมีปริมาณลดลง ในขณะที่กล้ามเนื้อบริเวณข้อไม่แข็งแรงและการเสียดสีของกระดูกมีอัตราเพิ่มมากขึ้น จนก่อให้เกิดอาการอักเสบของข้อและเป็นโรคข้อเสื่อมในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงของโรคข้อเสื่อมไม่ได้อยู่ที่อายุมากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยที่ทำให้คนอายุยังน้อยมีเอี่ยวกับโรคนี้ได้ด้วย โดยปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงโรคข้อเสื่อมก็ได้แก่
อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าเสี่ยงเป็นโรคข้อเสื่อม
1. เข่ามีเสียงดังก๊อบแกร๊บขณะเคลื่อนไหว
2. ปวดเข่าหรือขาเวลาเดิน หรือต้องเคลื่อนไหว
3. รู้สึกปวดบริเวณข้อ โดยจะปวดบริเวณรอบ ๆ ข้อ แบบที่ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนได้และมักจะปวดเรื้อรัง จุดสังเกตสำคัญอีกอย่างคืออาการปวดข้อจะมากขึ้นเมื่อมีการใช้งานหรือลงน้ำหนักบนข้อมาก ๆ
4. ปวดเข่าเวลานอน
5. ปวดข้อเข่าเวลาใส่ถุงเท้า รองเท้า หรือเวลาลุกนั่ง
6. ปวด บวม อักเสบ บริเวณข้อเข่า
7. ปวดข้อจนไม่สามารถเดินได้อย่างปกติ ต้องเดินโยกตัว
8. ข้อบวมและผิดรูป จากกระดูกที่งอก
9. สูญเสียการเคลื่อนไหว เริ่มเดินเหินไม่ค่อยสะดวก นั่งก็ลำบาก เดินก็ไม่ค่อยจะไหวโดยเฉพาะหากต้องอยู่ในลักษณะเดิมนาน ๆ อาการปวดอาจทวีคูณจนลุกไม่ขึ้น หรือแค่ขยับก็เจ็บมากเลยทีเดียว
หากคุณมีอาการตรงกับข้อเหล่านี้อย่างน้อย 3 ข้อ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจเข้าข่ายเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว และควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางรักษาต่อไป
โรคข้อเสื่อมรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง
จากสาเหตุของโรคข้อเสื่อมที่เกิดจากกระบวนการสลายกระดูกอ่อนเป็นหลัก ดังนั้นวิธีการป้องกันและบรรเทาความเสี่ยงโรคข้อเสื่อมที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ การเพิ่มกระบวนการสร้างกระดูกอ่อนควบคู่ไปกับการสร้างมวลกระดูกอ่อนนั่นเอง แต่การรักษาและบรรเทาโรคข้อเสื่อมก็ยังสามารถทำได้ตามนี้
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
หากรู้ตัวว่ามีน้ำหนักเกิน ควรรีบลดน้ำหนักโดยด่วน และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้งานข้อเข่าหนัก ๆ เช่น ไม่ควรวิ่งหรือกระโดด แต่ควรเลือกวิธีการออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ หรือการปั่นจักรยานที่จะช่วยถนอมข้อเข่าได้มากกว่า รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเดินขึ้น-ลงบันได
2. ใช้ยาบรรเทาอาการปวดและการอักเสบของข้อ
ในกรณีที่อาการปวดและการอักเสบของข้อไม่รุนแรง อาจบรรเทาอาการปวดและอักเสบได้โดยการใช้ยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอล และยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่
สเตียรอยด์ (NSAIDs)
3. ฉีดน้ำไขข้อ
การฉีดน้ำไขข้อเทียมหรือยาไฮยาลูโรนิก จะมีฤทธิ์ระงับปวดได้ 3 เดือนถึงหนึ่งปี ทว่าวิธีรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมนี้ยังเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น ยังไม่มีการสนับสนุนหรือคัดค้านจากทางการแพทย์อย่างชัดเจน (ค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 – 25,000 บาท)
4. ประคบร้อน หรือประคบเย็น ณ บริเวณที่รู้สึกปวด
โดยความเย็นจะช่วยลดอาการเกร็งและการอักเสบของกล้ามเนื้อ ส่วนความร้อนจะช่วยลดการติดขัดในข้อ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ในระดับหนึ่ง
5. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อ
นวัตกรรมการผ่าตัดเปลี่ยนข้อก็เป็นตัวเลือกหนึ่งในการรักษาและบรรเทาความเจ็บปวด ทว่าวิธีนี้มีข้อจำกัดและความเสี่ยงพอสมควร ที่สำคัญค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดก็สูง (ค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000-200,000 บาท) แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรงค่ะ
6. ปลูกถ่ายเซลล์กระดูกอ่อน
ขั้นตอนการรักษา
ขั้นตอนแรก - ผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดส่องกล้อง เก็บชิ้นเนื้อกระดูกอ่อนที่ไม่ได้ใช้งานส่งเข้าห้องปฏิบัติการแยกเซลล์กระดูกอ่อนและเพาะเลี้ยงจนเพียงพอต่อการปลูกถ่าย ใช้เวลา 4-6 สัปดาห์ ก่อนนำเซลล์กระดูกอ่อนมาเพาะเลี้ยงในโครงสร้างสามมิติที่มีความหนาเท่ากระดูกอ่อนปกติ เป็นการสร้างเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนนอกร่างกายมนุษย์ โดยใช้วิศวกรรมเนื้อเยื่อสำหรับปลูกถ่ายทดแทนกระดูกอ่อนที่ได้รับบาดเจ็บ
ขั้นตอนที่สอง - คือ ผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระดูกอ่อนที่สร้างขึ้นจากเซลล์กระดูกอ่อนของตนเองเพื่อซ่อมกระดูกอ่อนผิวข้อเข่า
7. เติมสารอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพข้อ
ในเมื่อร่างกายเราไม่สามารถสร้างมวลกระดูกอ่อนได้มากเท่าที่ต้องการ เราจึงต้องช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อนของข้อด้วยสารอาหารที่จะช่วยดูแลสุขภาพกระดูกและข้อ เช่น กลูโคซามีน-ซัลเฟต คอนดรอยติน-ซัลเฟต หรือนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดการสลายตัวของกระดูกอ่อนผิวข้อ อย่างคอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นต้น
จะว่าไปโรคข้อเข่าเสื่อมก็มีแนวทางการรักษาอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่น่าเสียดายตรงที่การรักษาในหลายวิธีเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และบางวิธีก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงพอตัวเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นอกจากแนวทางการรักษาในเบื้องต้นแล้ว เรายังสามารถรักษาโรคข้อเข่าจากต้นเหตุได้ด้วยการเติมส่วนประกอบของกระดูกอ่อนเข้าไป ซึ่งโดยปกติแล้วส่วนประกอบของกระดูกอ่อนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วน ได้แก่ 1-2% เป็นเซลล์กระดูกอ่อน Cellular (Chondrocytes), ส่วนที่เป็นของแข็ง 30% คือ Collagen Type II และชนิดอื่นๆ (Collagen) และ โปรติโอกลัยแคนส์ (Proteoglycans) รวมทั้งมีส่วนที่เป็นของเหลวอีกถึง 70-80% ดังภาพ
โดยสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของโรคข้อเสื่อมก็มักจะเกิดจากส่วนประกอบสำคัญของกระดูกอ่อนอย่างคอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เมื่อร่างกายเข้าสู่ภาวะเสื่อมอัตราการซ่อมสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 2 จะทำได้น้อยและช้าลง ในขณะที่อัตราการทำลายหรือเสื่อมสลายมีมากและเร็วขึ้น
ดังนั้นอีกแนวทางการชะลอความเสื่อมของข้อ ก็สามารถทำได้โดยเสริม Collagen Type II เข้าไป เพื่อให้ไปช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งยับยั้งการทำงานของภูมิต้านทานร่างกายที่จะทำลาย Collagen Type II
Collagen Type II เป็นคอลลาเจนที่พบได้ในกระดูกอ่อนและหมอนรองกระดูกสันหลัง คอยทำหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงแก่ข้อต่อในขณะที่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งโดยปกติแล้วในกระดูกอ่อนจะประกอบด้วยโครงข่ายของเส้นใย Collagen Type II รวมตัวกับกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) และโปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan) อันได้แก่ แอกกริแคน (Aggrecan) ซึ่งมีไกลโคอะมิโนไกลแคน (Glycoaminoglycans) คือ คอนดรอยอิติน-ซัลเฟต(Chondroitin-Sulfate) และเคอราแทน ซัลเฟต (Keratan Sulfate) เป็นส่วนประกอบ
การศึกษาพบว่า ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากและผู้สูงอายุ กระดูกอ่อนชนิด Articular Cartilages ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อแรงกระแทกจะเริ่มเสื่อมลง โดยเฉพาะที่ข้อต่อที่รับน้ำหนัก เช่น ข้อเข่าและสะโพก จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับภาวะการเกิดข้อเสื่อม ข้ออักเสบ (Osteoarthritis) และคอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ แตกต่างจากคอลลาเจนที่พบในเซลล์ผิวหนัง ซึ่งจะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3 และ 4 (Collagen Type 1, 3 และ 4)
Collagen Type II จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของส่วนประกอบที่อยู่ในข้อ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการสร้างมากเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มระดับของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อเลี้ยงในข้อ และยังยับยั้งการหลั่งเอนไซม์ที่ย่อยทำลายกระดูกอ่อนบริเวณข้อ จึงช่วยลดอาการปวดข้อและข้อยึดได้ ทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้น
Product Information
Neocell Move Matrix Advanced Joint Hydrator provides scientifically advanced ingredients that work synergistically in the body to promote healthy joints. This premium formula supports joint flexibility, range of motion, and a healthy inflammatory response. Like all neocell products, Move Matrix is standardized to be bioactive for potent absorption and efficacy.
Supplement Facts
Serving Size: 5 Capsule
Servings Per Container: 30
Amount Per Serving %DV
Vitamin C (Ascorbic Acid) 60mg 100%
Collagen Type 2 750mg *
Glucosamine (as Glucosamine Sulfate) 700mg *
MSM (Methyl Sulfonyl Methane) 500mg *
Chondrotin (as Chrondrotin Sulfate) 400mg *
Hyaluronic Acid 100mg *
Move Matrix Blend 355mg *
Curcumin c3 Complex Turmeric Root Extract (Curcuma longa) 95% Curcuminoids 200mg *
Ginger Root Powder (Zingiber Offcinale) 50mg *
Boswellia Extract (Boswellia Serrata Gum Resin) 50mg *
Reservatrol (Polygonum cuspidatum root) 25mg *
Pine Bark Extract (pinus massoniana) 25mg *
BioPerine Black Pepper Extract (Piper nigrum fruit) 5mg *
*Daily Value Not Established.
†Percent Daily Values are based on a 2,000 calorie diet. Your diet values may be higher or lower depending on your calorie needs.
Other Ingredients: Vegetable Magesium Stearate, silica, and gelatin capsule.
OTHER INGREDIENTS: Vegetable magnesium stearate, silica, and gelatin capsule.
Suggestion of use : Take 5 capsules dialy
Quality Commitment
Promoting healthy collagen with the highest quality, most effective collagen and collagen related products on the market is Neocell's singular focus. Their cGMP facility in Southern California houses state of the art manufacturing equipment and an in-house, cutting-edge Research and Development Department.
Through a proprietary enzymatic process, all of their collagen products are standardized for maximum absorption. They guarantee the dosage of every active ingredient provides the highest level of functional bioactive support, often exceeding their competitor’s dosage level by ten times. They are proud to apply pharmaceutical grade microbial, elemental and ionic purification processes to their collagen, which ensures unparalleled purity.
About Neocell
NeoCell has been developing and manufacturing all natural, premium anti-aging formulas for over 20 years and is the leading collagen brand in the world. Our products are naturally based, not synthetic, and are designed to promote youthful health, beauty and total body wellness. We manufacture our own products using carefully sourced food-grade raw materials and our facility exceeds all GMP standards. We strive to continuously bring the best to our customers– products that we and our own families are proud to use, made with Nutrients You Can Trust®.
ข้อควรระวัง:
ข้อมูลที่ลูกค้าต้องเตรียมสำหรับแจ้งโอนเงิน
ลูกค้าสามารถแจ้งการโอนเงินได้หลายช่องทางดังนี้
1. แจ้งผ่านหน้าเวปไซด์ โดยกดที่ " แจ้งชำระเงิน" หรือที่ปุ่มเมนู "แจ้งชำระเงิน"
2. โทรแจ้งหรือส่ง SMS มาที่เบอร์ 083-092-7999 (หนึ่ง)
3. แจ้งผ่าน Line ID: iCarevitaminshop
4. แจ้งผ่าน inbox ใน Facebook :
เปิดร้าน | 8 ส.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ค. 2568 |