Puritan’s Pride Policosanol 20 mg 60 Softgels

Puritan’s Pride Policosanol 20 mg 60 Softgels
รหัสสินค้า 050094
หมวดหมู่ Puritan Pride Products
ราคาปกติ 750.00 บาท
ลดเหลือ 470.00 บาท
น้ำหนัก 60 กรัม
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
สภาพ สินค้าใหม่
ลงสินค้า 8 ส.ค. 2560
อัพเดทล่าสุด 30 พ.ย. 2560
คงเหลือ ไม่จำกัด
จำนวน
60 Softgel
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
Puritan Pride's  Policosanol 20 mg 60 Softgels

โพลีโคซานอล สารสกัดจากไขเปลือกอ้อย

ทางเลือกใหม่จากธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัย สำหรับผู้ที่มีปัญหาโคเลสเตอรอลในเลือดสูง


ประโยชน์ของ โพลีโคซานอล
   *  ช่วยลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือด
   *  ช่วยปรับสมดุลย์การสร้างไขมันโคเลสเตอรอล
   *   ช่วยเสริมการทำงานของตับในการเผาผลาญไขมัน
   *   ช่วยลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL)
   *   ช่วยสร้างไขมันโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
   *   ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน
   *   ช่วยลดความเสี่ยงภาวะการอุดตันของเกร็ดเลือด
   *   เพิ่มการไหลเวียนเลือด
   *   ช่วยลดและป้องกันสภาวะ หัวใจและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน
   *   เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง

โพลีโคซานอล (Policosanol) ที่พบเฉพาะในไขเปลือกอ้อย (Saccharum officinarum, L.) มีสูตรโครงสร้างคล้ายยาลดไขมันในเลือด กลุ่ม Statin  ซึ่งจะช่วยในการลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายแม้ใช้อย่างต่อเนื่อง 

ภาวะโคเลสเตอรอลสูง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตประชากรทั่วโลกและคนไทยเพิ่มมากขึ้น  ล่าสุดพบว่าในแต่ละปีคนไทยประมาณ 60,000-100,000 คน เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และคนไทยอีกกว่า 39 ล้านคน กำลังเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจในขณะนี้ ทำให้เสียค่ารักษาพยาบาล สูญเสียความสามารถในการทำงาน และร่างกายอาจเกิดความเสื่อมโทรมไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้เหมือนเดิม (ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข)

สาเหตุหลักของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ

        โรคหลอดเลือดหัวใจ มีสาเหตุหลัก จากการมีระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูงผิดปกติ จนเกิดการสะสมและอุดตันที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งแท้จริงแล้ว “ตับ” เป็นอวัยวะหลักในการสร้างไขมันโคเลสเตอรอลถึง 80% ที่เหลืออีก 20% เกิดจากการรับประทานอาหาร  แต่ด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น และพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่มีการควบคุมไม่ดีพอ จึงส่งผลให้เกิดการเสียสมดุลของระดับไขมันโคเลสเตอรอลในร่างกาย   ปัจจุบันพบว่าผู้ชายและผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป มีโอกาสเสี่ยงที่จะพบระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูงมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ซึ่งการตรวจวัดระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดเป็นประจำทุกปี จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ดีที่สุด (ข้อมูลจาก The National Center for Health Statistics and the American Heart Association)

        ปัจจุบันแนวทางการดูแลสุขภาพของผู้ที่มีปัญหาระดับไขมันโคเลสเตอรอลสูง ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ยาเป็นหลัก ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพตามมา เช่น เกิดอาการแน่นท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย ระยะยาวอาจทำให้ตับอักเสบ และเนื่องจากยาลดไขมันโคเลสเตอรอลบางชนิดจะมีผลไปลดการสร้างเอนไซม์ที่สำคัญต่อร่างกาย คือ โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10) ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แขนขาอ่อนแรง และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจเต้นผิดปกติได้

เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาเมื่อเราไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ แล้วพบว่าไขมันในเลือดของเราสูงขึ้นมากเกินกว่าค่าปกติที่ควรจะมีแล้วนั้น แพทย์มักจะแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ แต่ปัจจุบันเมื่อความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับไขมันมีมากขึ้น จึงทำให้ทราบว่าเราต้องเน้นถึงชนิดของไขมันในอาหารเป็นหลัก หากมีไขมันที่ไม่ดีระดับสูง เช่น ไขมันโคเลสเตอรอล หรือ ไตรกลีเซอร์ไรด์มากเกินไป ก็จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้ง่ายขึ้น หากมีไขมันที่ดีระดับสูง เช่น ไขมัน เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ดังนั้นเราจึงควรจะต้องเข้าใจในธรรมชาติของไขมันแต่ละชนิดก่อนเป็นสำคัญ เพื่อทำให้สามารถช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น

ไขมันสูงเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน

ไขมันในกระแสเลือด อาจแบ่งได้ง่ายๆ เป็น 2 ชนิดด้วยกันคือ

1. โคเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol)ซึ่งเป็นผลรวมของโคเลสเตอรอล 2 ชนิด คือ

1.1แอล-ดี-แอล (LDL Cholesterol: Low density lipoprotein)เป็นส่วนสำคัญของโคเลสเตอรอลรวม ซึ่งโคเลสเตอรอลในร่างกายนั้น ประมาณ 90% สร้างที่ตับ ที่เหลือประมาณ 10%ได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ซึ่งมีมากในอาหาร เช่น ไข่แดง เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และอาหารทะเลชนิดต่างๆ โดยที่ไขมันโคเลสเตอรอลเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดหลอดเลือดแข็ง

1.2 เอช-ดี-แอล (HDL-C: High density lipoprotein)เป็นไขมันที่มีความหนาแน่นสูง มีหน้าที่จับไขมันโคเลสเตอรอลที่อยู่ในกระแสเลือดไปทำลายที่ตับ ถ้ามีระดับ HDL-C ในเลือดสูง จะมีผลทำให้โอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและโรคหลอดเลือดเสื่อมต่างๆ ลดลง ระดับ HDL-C จะเพิ่มได้ด้วยการออกกำลังกาย หรือจากการรับประทานสารอาหารธรรมชาติบางชนิด เช่นสารโพลีโคซานอล และน้ำมันปลา โอเมก้า-3

2. ไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride)ไขมันนี้อาจเกิดจากการรับประทานอาหารเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 90% และอีกส่วนเกิดจากการสังเคราะห์ในร่างกายจากน้ำตาลและแป้งประมาณ 10% และ ในคนอ้วนระดับไตรกลีเซอร์ไรด์มักจะสูง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าไขมันตัวนี้ เป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ ถ้าพบว่ามีระดับสูงมากหรือสูงในคนที่มีโคเลสเตอรอลสูงอยู่แล้วจะเป็นอันตรายได้

โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน จากการมีไขมันในเลือดสูง

โรคหลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆของประเทศ ไขมันในโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงข้อหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ การเปลี่ยนแปลงอาหารและการออกกำลังกายสามารถลดระดับไขมันในเลือดได้ แต่เนื่องจากไขมันโคเลสเตอรอลส่วนใหญ่ในร่างกายถูกสร้างขึ้นที่ตับถึง 90% ดังนั้นการควบคุมให้ตับมีการสร้างไขมันโคเลสเตอรอลให้น้อยลง หรือให้ตับมีการเร่งการทำลายไขมันโคเลสเตอรอลให้มากขึ้น ก็จะช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบได้ การที่มีไขมันโคเลสเตอรอลสูงในกระแสเลือด มีโอกาสที่ไขมันจะเกาะติดผนังหลอดเลือดแดง ที่เรียกว่า plaque มากขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดตีบแคบลง ถ้าหากเราปล่อยทิ้งไว้ให้การตีบแคบของหลอดเลือดมีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มีโอกาสทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบจนเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ จึงเกิดอาการ เช่น เจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด หรืออัมพฤกษ์ นอกจากนั้นคราบไขมันโคเลสเตอรอลอาจจะหลุดลอกจากผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดอาการหัวใจขาดเลือดอย่างเฉียบพลันได้เช่นกัน

การควบคุมระดับไขมันโคเลสเตอรอลให้ลดลง

1. การควบคุมอาหาร

• หลีกเลี่ยงอาหารพวกไข่แดง เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ส่วนที่ติดมันทุกชนิด สมองสัตว์ อาหารทะเลบางชนิด เช่น หอยนางรม ปลาหมึก

• หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมัน หากเป็นอาหารประเภททอด เจียว ควรใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันสัตว์ เช่น เนย หรือ น้ำมันหมู

• หลีกเลี่ยงน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันมะพร้าว กะทิ

• ควรดื่มนมพร่องมันเนยแทนนมที่มีไขมันเต็มส่วน

• พยายามเปลี่ยนแปลงการปรุงอาหารเป็น นึ่ง ต้ม ย่าง อบ แทนการทอดหรือผัด

• พยายามลดน้ำหนักตัวในกรณีที่มีน้ำหนักเกิน

• ควรเพิ่มอาหารพวกผักใบต่างๆ และผลไม้บางชนิดที่มีกากใย เช่น ผักคะน้า ผักกาด ฝรั่ง ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไขมันน้อยลง

2. การออกกำลังกาย จะทำให้ระดับไขมันแอล ดี แอล โคเลสเตอรอลในเลือดลดลง ขณะเดียวกันระดับไขมันเอช ดี แอล โคเลสเตอรอลในเลือดจะสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลทำให้หลอดเลือดแดงเสื่อมช้าลงและป้องกันการอุดตันอย่างเฉียบพลันได้ด้วย

3. การใช้ยา หรือ สารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือด

สารอาหารที่มีส่วนช่วยลดไขมันโคเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ

1. สารสกัดโพลีโคซานอล (Policosanol)

สารสกัดจากธรรมชาติกลุ่มโพลีโคซานอล (Policosanol) ที่พบเฉพาะในไขเปลือกอ้อย

(Saccharum officinarum, L.)อุดมไปด้วยคุณค่าบริสุทธิ์ของสารอาหารจากธรรมชาติ และมีโครงสร้างคล้ายยาลดไขมันในเลือด กลุ่ม Statin

จากการทำการศึกษาวิจัยทางการแพทย์มากกว่า 60 การวิจัย ในผู้ป่วยที่มีไขมันโคเลสเตอรอลสูงมากกว่า 3,000 คนทั่วโลก จนกระทั่งมีการตีพิมพ์ผลการวิจัยลงในวารสารทางการแพทย์ American Heart Journal ปี 2002ถึงคุณประโยชน์ของสารสกัดโพลีโคซานอล (Policosanol) ในการลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลชนิดรวม และไขมันโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL-Cholesterol) โดยการกระตุ้นให้ตับมีการทำลายหรือเผาผลาญไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดได้ดีขึ้น และช่วยบำรุงตับให้สร้างไขมันโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-Cholesterol) ซึ่งมีหน้าที่นำพาไขมันที่สะสมและอุดตันตามผนังหลอดเลือดกลับไปทำลายที่ตับ และ ช่วยลดภาวะการอุดตันของเกล็ดเลือดได้ถึง 50% ป้องกันภาวะความหนาตัวของผนังหลอดเลือด และฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของหัวใจและตับจึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้

ขนาดรับประทานที่แนะนำ

1. สำหรับผู้ที่มีไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูงประมาณ200-239 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

ควรรับประทานวันละ 5 มิลลิกรัม หลังอาหารเย็น หรือก่อนนอน

2. สำหรับผู้ที่มีไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูงประมาณ240-299 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

ควรรับประทานวันละ 10-20 มิลลิกรัม หลังอาหารเย็น หรือก่อนนอน

2. เลซิติน (Lecithin)

เลซิติน มีส่วนช่วยให้ไขมันที่รับประทานเข้าไปแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ เนื่องจากเลซิตินมีหน้าที่เป็นตัวทำละลายไขมันในกระแสเลือด ดังนั้นเมื่อเลซิตินผ่านไปในกระแสเลือด จึงช่วยละลายไขมันที่จับตามผนังหลอดเลือด มีผลในการควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในเลือดและเพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น ช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของตับในการเร่งการเผาผลาญไขมัน ทำให้ตับทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้นจากหลักฐานทางวิชาการพบว่า เลซิตินช่วยบำรุงตับ ป้องกันโรคตับแข็งและลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งสามารถพบได้ในผู้ที่มีภาวะไขมันโคเลสเตอรอลสูง

ขนาดรับประทานที่แนะนำ

1. สำหรับลดไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ควรรับประทานวันละ 3,600-7,200 มิลลิกรัม

2. สำหรับการบำรุงตับ ป้องกันโรคตับแข็ง ควรรับประทาน วันละ 1,200 -3,600 มิลลิกรัม

3. สำหรับการบำรุงสมอง ควรรับประทาน วันละ 1,200 -3,600 มิลลิกรัม

 

3. น้ำมันกระเทียม (Garlic oil)

ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสนใจการรักษาแบบผสมผสาน หรือการแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีหลายวิธีที่นำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง หนึ่งในนั้น คือ การใช้สมุนไพรจากธรรมชาติมารักษา จากจารึกในอดีตพบว่า กระเทียม (Allium Sativum) จัดเป็นพืชสมุนไพรเก่าแก่ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรค การค้นคว้าและวิจัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสมุนไพรใกล้ตัวอย่างกระเทียม พบว่ากระเทียมเป็นเสมือนยารักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โดยช่วยลดระดับไขมันในกระแสเลือด ทั้งไขมันโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์สำหรับผู้ที่มีระดับไขมันยังสูงไม่มาก จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้

ขนาดรับประทานที่แนะนำ 
ควรรับประทานวันละ 2000-5000 มิลกรัม

คำเตือน:  

  • ผลิตภัณฑ์อาหารเสิรมนี้ไม่ใช่ยา ไม่มีฤทธิ์ในการรักษาโรคใดๆให้หายขาด ผลลัพท์ที่ใช้ในการบำบัดอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพร่างการของแต่ละบุคคล
  • ถ้าคุณกำลังตั้งครรภ์, หรืออยู่ระหว่างการรักษาพยาบาลหรือการใช้ยาใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และหยุดใช้ทันทีพร้อมปรึกษาแพทย์ของคุณถ้ามีอาการผิดปกติไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
  • ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์
  • เก็บให้พ้นจากมือเด็ก เก็บไว้ในที่แห้งและเย็น ไม่ให้โดนแสงแดดและความร้อน
  • ห้ามรับประทาน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่พบว่าบรรจุภัณฑ์แตกหักชำรุด หรือ ซีลกันอากาศรั่ว หรือ ขาดหายไป
  • โปรดอ่านคำเตือนบนฉลากหรือเอกสารกำกับโดยละเอียดทุกครั้งก่อนใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
Puritan Pride's Policosanol 20 mg 60 Softgels


Pill SizeRapid ReleaseGluten Free

Policosanol supports general wellness.** Adults can take one softgel daily with a meal.

No Artificial Flavor or Sweetener, No Preservatives, No Sugar, No Starch, No Milk, No Lactose, No Gluten, No Wheat, No Yeast, No Fish. Sodium Free.

Supplement Facts

Serving Size 1 Softgel
Amount Per Serving % Daily Value
Policosanol 20 mg **
  (from rice wax) (Oryza sp.)
**Daily Value not established.










Directions:
 For adults, take one (1) softgel daily, preferably with a meal. 


Other Ingredients: Soybean Oil, Gelatin, Vegetable Glycerin, Soy Lecithin, Yellow Beeswax, Natural Caramel Color. 

WARNING: If you are pregnant, nursing, taking any medications or have any medical condition, consult your doctor before use. Discontinue use and consult your doctor if any adverse reactions occur. Keep out of reach of children. Store at room temperature. Do not use if seal under cap is broken or missing.

เอกสารอ้างอิง

1. Mas R et al. Effect of policosanol in patients with type II hypercholesterolemia and additional coronary risk factors. Clinical pharmacology & therapeutics 1999;65(4); 439-447

2. Pons P et al. Effects of successive dose increases of policosanol on the lipid profile of patients with type II hypercholesterolemia and tolerability to treatment. Int J Clin Pharm Res 1994;XIV(1);27-33

3. Zardoya R et al. Effects of policosanol on hypercholesterolemic patients with abnormal serum biochemical indicators of hepatic function. Current therapeutic research 1996;57(7);568-577

4. Mark J. Policosanol: A New Treatment for Cardiovascular Disease? Alternative Medicine Review 2002; 7(3) ;203-217

5. Medical Progress CME, February 2007

6. Murray, Michael T., Encyclopedia of Nutritional Supplement, 1996 PP. 137-141

7. National Research Council (U.S.) Committee on Diet and Health; Implications for reducing chronic disease Risk., 1989, pp. 216-217

8. Effect of dietary polynylphosphatidylcholine of metabolism of cholesterol and triglycerides in hypertriglyceridemic patients, The Am. J. of Clinical Nutrition 43: January 1986, pp 101

9. Tattelman E. Health effect of garlic. American Family Physician. 2005, Vol. 72; No. 1. 103-6.

10. AdAM j Adler and Bruce J Holub Effect of garlic and fish oil supplementation on serum lipid and lipoprotein concentrations in hypercholesterolemic men American Journal of Clinical Nutrition Vol. 65(2) Page 445-50, Feb 1997

 

วิธีการชำระเงิน

ข้อมูลที่ลูกค้าต้องเตรียมสำหรับแจ้งโอนเงิน

  • ชื่อ-นามสกุล ผู้โอน
  • ยอดงินที่โอน
  • วัน-เวลาที่โอน
  • ชื่อธนาคารและเลขที่บัญชีที่โอนไป
  • กรุณาเก็บหลักฐานสลิปการโอนเงิน หรือ ถ่ายรูปสลิป เก็บไว้เพื่อยืนยันความถูกต้อง

ลูกค้าสามารถแจ้งการโอนเงินได้หลายช่องทางดังนี้

1. แจ้งผ่านหน้าเวปไซด์ โดยกดที่ " แจ้งชำระเงิน" หรือที่ปุ่มเมนู "แจ้งชำระเงิน"

2. โทรแจ้งหรือส่ง SMS มาที่เบอร์ 083-092-7999 (หนึ่ง)

3. แจ้งผ่าน Line ID: iCarevitaminshop

4. แจ้งผ่าน inbox ใน Facebook :

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาฟอร์จูนทาวน์ สะสมทรัพย์
  • ค่าธรรมเนียม 3.4% + 11 THB
  • การชำระผ่าน PayPal คุณไม่จำเป็นต้องแจ้งชำระเงิน เนื่องจากระบบจะจัดการให้คุณทันที ที่คุณชำระเงินเสร็จสมบูรณ์

Join เป็นสมาชิกร้านค้า

ร้านiCare Vitamin Shop
ร้านiCare Vitamin Shop
www.icarevitaminshop.com/
Join เป็นสมาชิกร้าน
29
สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ

CONTACT US

083-092-7999 ( หนึ่ง )

TRACKCODE พัสดุจัดส่ง

  • ค้นหา
*ใส่ เบอร์มือถือ หรือ email ที่ใช้ในการสั่งซื้อ

MEMBER สมาชิกร้าน

STATISTICS

เปิดร้าน8 ส.ค. 2556
ร้านค้าอัพเดท1 ธ.ค. 2568
พูดคุย-สอบถาม