Puritan Bee Propolis 500 mg 100 Capsules
โปรพอลิส เสริมภูมิคุ้มกัน Best of Natural Abtibiotics สารปฏิชีวนะที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ

โปรพอลิส (Propolis)

โปรพอลิส (Propolis) คือ สารเรซิน หรือสารที่ได้จากยางเหนียวของต้นไม้ ที่ผึ้งเก็บมาผสมกับน้ำย่อยของมัน ผึ้งใช้โปรพอลิสเพื่อสร้างรัง และฆ่าเชื้อภายในรัง โปรพอลิสประกอบด้วย เรซิน และน้ำหอม 55% ไขผึ้ง 30% น้ำมันอีเธอร์ 10% และเกสรดอกไม้ 5%จากที่มีผู้คนกล่าวว่าโปรพอลิส คือสิ่งน่าอัศจรรย์ นั่นก็เนื่องมาจากโปรพอลิสเป็นสารธรรมชาติ ซึ่งมนุษย์สามารถนำมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยมีคุณสมบัติทางยาทั้งในด้าน ปฏิชีวนะ (Antibiotic) และ ส่งเสริมชีวิต (Probiotic) ที่ไม่มีผลข้างเคียง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางการแพทย์ทั่วโลกระบุว่า โปรพอลิสช่วยบำบัดอาการภูมิแพ้ อาการผิดปกติในสตรี รักษาแผลเบาหวาน ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยให้ผู้ป่วยเอดส์มีภาวะร่างกายดีขึ้น ช่วยต่อต้านโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส รา แบคทีเรีย ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง เป็นต้น

Best of Natural Abtibiotics สารปฏิชีวนะที่ดีที่สุดตามธรรมชาติ

โปรโพลิส (Propolis) มีสารประกอบถึง 100 ชนิด มีคุณสมบัติทางยาทั้งในด้านปฏิชีวนะ (Antibiotic) และ ส่งเสริมชีวิต (Probiotic) ที่ไม่มีผลข้างเคียง สารที่เป็นองค์ประกอบทางเคมี เช่น terpenoid steroid สารประกอบ phenolic compound, flavonoid กรดอะมิโน, คาร์โบไฮเดรต, วิตามินต่าง ๆ, เกลือแร่ เอนไซม์ และสารต้นต่อฮอร์โมนจากธรรมชาติ ฯลฯ โดย phenolic compound และ flavonoid นี้เองที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดฤทธิ์ต้าน oxidation
Bioflavonolds คุณสมบัติเป็นสารปฏิชีวนะที่ดีที่สุดตามธรรมชาติ ต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกชิเดชั่น ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียเชื้อไวรัสเชื้อราและมีคุณสมบัติยับยั้งการเกิดการ อักเสบ การสมานแผล ห้ามเลือด ชำระล้างระบบอวัยวะภายใน

ผึ้ง งานรวบรวมน้ำหวานจากดอกไม้ได้มากพอ ก็จะสร้างขึ้ผึ้งทำเป็นรังผึ้ง จากต่อมผลิตไขผึ้งที่อยู่ส่วนท้องของลำตัวโดยใช้ส่วนปากทำไขเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วก่อตัวเป็นรวงรูป 6 เหลี่ยม แบบที่เห็น ๆ กันทั่วไป รังผึ้งหรือรวงผึ้ง ถูกสร้างอย่างมีระเบียบแบบแผน เพราะจากการพิสูจน์โดยนักคณิตศาสตร์ ปรากฎว่า รังผึ้งจะเป็นรูปหกเหลี่ยมด้านเท่าเสมอ ๆ และจากการคำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วนจะพบว่า ผึ้งทุกชนิด ทุกประเภทสายพันธุ์ ไม่ว่าจะสร้างรังขนาดแค่ไหน รูปหกเหลี่ยมในช่องของรังผึ้งจะทำมุมป้าน 109 องศา 28 ลิปดา ทำมุมแหลม 70 องศา 32 ลิปดาทุกรัง ซึ่งการสร้างรูปทรงลักษณะนี้ จะทำให้รังผึ้งมีความจุมากที่สุด และสามารถเก็บน้ำผึ้งได้มากที่สุดนั่นเอง

Bee Propolis หรือ กาวผึ้ง (Beeglue) คือ สารเหนียวคล้ายยางไม้มีสีน้ำตาลแก่จนเกือบดำ ซึ่งผึ้งงานเก็บรวบรวมจากตาหรือเปลือกของต้นไม้ ใบ หน่ออ่อนนำมาผสมกับเอนไซม์ของผึ้งที่หลั่งออกมาจากต่อมบริเวณหัวและช่องท้อง ของผึ้ง ผึ้งใช้ โปรพอลิส(Propolis) อุดหน้าทางเข้ารังผึ้งลดขนาดรูเปิดรังให้มีขนาดพอดีเพื่อสะดวกในการดูแล ป้องกันรังผึ้งจากศัตรูของผึ้งและใช้ในกิจกรรมภายในรังผึ้ง เช่น อุดรอยแตกภายในรังเคลือบรวงรังให้แข็งแรง และห่อหุ้มศัตรูที่ถูกฆ่าตายในรัง แต่ไม่สามารถนำออกไปทิ้งนอกรังได้ และเพื่อไม่ได้เกิดการเน่าเหม็นในรังผึ้ง ผึ้งได้ใช้โปรพอลิส(((((Propolis) ห่อหุ้มสารแปลกปลอมนั้น คล้ายกับ “มัมมี่” หยุดการแพร่เชื้อ เป็นต้น มนุษย์นำมาใช้ในทางการแพทย์นำมาสกัดสารที่ต่อต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย เป็นส่วนประกอบในการทำยารักษาโรคมนุษย์และสัตว์ ใช้รักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ใช้ผสมเป็นยารักษาโรคทางหู คอ จมูก รักษาโรคผิวหนัง เป็นต้น จากที่มีผู้คนกล่าวว่า โปรพอลิส(Propolis) คือสิ่งน่าอัศจรรย์ นั่นก็เนื่องมาจาก โปรพอลิส(Propolis) เป็นสารธรรมชาติ ซึ่งมนุษย์สามารถนำมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยมีคุณสมบัติทางยาทั้งในด้าน ปฏิชีวนะ (Antibiotic) และ ส่งเสริมชีวิต (Probiotic) ที่ไม่มีผลข้างเคียง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางการแพทย์ทั่วโลกระบุว่า โปรพอลิสช่วยบำบัดอาการภูมิแพ้ อาการผิดปกติในสตรี รักษาแผลเบาหวาน ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยให้ผู้ป่วยเอดส์มีภาวะร่างกายดีขึ้น ช่วยต่อต้านโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส รา แบคทีเรีย ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง เป็นต้น

โปรพอลิส(Propolis)ช่วยในการต้านโรคที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ได้แก่

• ·       โรคหัวใจ
• ·       เบาหวาน
• ·       ต้อกระจก
• ·       โรคหืดหอบ
• ·       โรคหลอดลมอักเสบ
• ·       โรคเกี่ยวกับระบบประสาท
• ·       โรคมะเร็ง

สรรพคุณของ โปรพอลิส Propolis

1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน (โปรพอลิสนั้นถูกเรียกว่า BRM – Biological Response Modifier)สารประกอบฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิส มีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า ฟาโกไซท์ (Phagocyte) ให้มีความสามารถและประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ให้ดีขึ้น รวมทั้งป้องกันการสึกหรอเสื่อมโทรมและชำรุดเสียหายของเซลล์
2. มีฤทธิ์ในการกำจัดการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา มีฤทธิ์ฆ่าหรือทำให้เชื้อโรคที่ผ่านเข้าสู่ร่างกายไม่สามารถทำงานได้ จากการทดลองพบว่าโปรพอลิส มีประสิทธิภาพต่อการทำลายเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด โปรพอลิสมีประสิทธิภาพเป็นยาปฏิชีวนะเหนือกว่าเตตร้าไซคลิน, เพนิซิลิน และสเต๊บโตมัยซิน ยาปฏิชีวนะทั้งสามนี้เป็นผลิตผลจากจุลินทรีย์  แต่ฟลาโวนอยด์จากโปรพอลิส เป็นผลิตผลจากต้นไม้ ซึ่งร่างกายมนุษย์มีการตอบสนองต่อการบำบัดด้วยโปรพอลิสได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะ ซึ่งมักก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
3.ฤทธิ์เสริมยาปฏิชีวนะ นอกจากจะมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะด้วยตัวแล้ว โปรพอลิส ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพยาปฏิชีวนะอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพ 10-100 เท่า ของประสิทธิภาพเดิม นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะที่เป็นขี้ผึ้งหรือน้ำมัน สมานแผลได้เป็นอย่างดี
4. ต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น โดยสารประกอบฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิส มีคุณค่าสูงในการบำรุงรักษาหลอดเลือดฝอยให้อยู่ในสภาพที่ดี นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเสริมประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซีด้วย การป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาออกซิไดซ์ เสริมประสิทธิภาพการทำงานในหลอดเลือด นอกจากนี้ฟลาโวนอยด์ยังมีความสามารถห่อหุ้มโลหะหนักอย่างตะกั่ว ปรอท และ แคดเมี่ยม เพื่อป้องกันไม่ให้โลหะเหล่านี้ทำอันตรายต่อร่างกาย อันเกิดจากการผลิตของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดด้วย
5. ยับยั้งการผลิตพรอสตาแกลนดินส์  เมื่อร่างกายมีการติดเชื้อมีบาดแผล ร่างกายของเราจะมีการขับพรอสตาแกลนดินส์ (Prostaglandins) ออกมา ทำให้เจ็บปวด แผลอักเสบ และเป็นไข้ตัวร้อน สารประกอบ ฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิสมีฤทธิ์สกัดการผลิตพรอสตาแกลนดินส์ในร่างกาย จึงช่วยบรรเทาอาการปวดในลักษณะคล้ายแอสไพริน แต่เป็นสารจากธรรมชาติจึงไม่มีผลข้างเคียง
6. ยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามิน พบว่าสารประกอบฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิส มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งฮีสตามีนจากมาสต์เซลล์ได้เป็นอย่างดี

ประโยชน์ของ โปรพอลิส Propolis
1. ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง
2. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่มากในโปรพอลิส เป็นสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ มีฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระป้องกันวิตามินซีไม่ให้ถูกทำลาย ป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายก่อนเวลาอันควร ป้องกันความเสียหายของเซลล์ตับ
3. ช่วยรักษาบาดแผลและช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ – สารอาร์จีนีน (กรดอะมิโน) ในโปรพอลิส ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ ช่วยกระบวนการเมทาบอลิซึม การสร้างคลอลาเจน การรักษาแผลไฟไหม้ – โปรพอลิสสนอกจากจะช่วยรักษาบาดแผล ยังช่วยลดอาการติดเชื้อ เชื้อแบคทีเรียกว่า 50 % ถูกทำลายหมดภายใน 4 วัน และไม่ทำให้เชื้อดื้อยา เหมือนยาปฏิชีวนะสังเคราะห์
4. ลดการติดเชื้อบริเวณหู
5. ลดการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง โปรพอลิส มีสารฟลาโวนอยด์ และสารคาเฟอิค ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของยีสต์และเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคบริเวณผิว หนังเช่น กลาก เชื้อราที่เท้า
6. ลดการอักเสบ
7. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
8. ช่วยหัวใจและหลอดเลือด
9. ช่วยเรื่องช่องปาก ช่วยลดการติดเชื้อของเหงือก ช่วยลดคราบหินปูน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก
10. การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ รักษาอาการคออักเสบ อาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการโพรงจมูกอักเสบ อาการคอหอย และกล่องเสียงอักเสบ อาการเยื่อเมือกจมูกอักเสบ
11. ช่วยลดการติดเชื้อจากไวรัส
12. ช่วยเรื่องกระเพาะและลำไส้
13. ช่วยการทำงานของ NK cell -NK cell (Natural Killer cell) เป็นหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกันที่สำคัญที่สุดของร่างกาย พบได้ในสัตว์ทุกชนิดรวมถึงมนุษย์ NK cell จะใช้กระสุน (Granules) ในการจัดการกับเซลล์แปลกปลอม รวมไปถึงเซลล์มะเร็ง แต่หากเซลล์มะเร็งแข็งแรงกว่า มันจะย้อนกลับไปทำลาย NK cell แทน
14. ช่วยกำจัดสารพิษออกจากเลือด
15. สารประกอบฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิส(Propolis)ช่วยบำรุงรักษาหลอดเลือดฝอยให้อยู่ในสภาพดี เสริมสร้างการทำงานของวิตามินซี ป้องกันการเกิดออกซิเดชั่น ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอย ร่างกายเสื่อมโทรมแก่เร็ว และยังสามารถ ห่อหุ้มโลหะหนัก เช่นตะกั่ว ปรอท และแคทเมี่ยม ป้องกันโลหะหนักต่างๆเหล่านั้นมาทำอันตรายต่อร่างกาย
16. ช่วยบำบัดอาการเจ็บคอ รวมไปถึงอาการผิดปกติอื่นๆ ในช่องปาก ช่องโพรงจมูก และช่องหู
17. ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ช่วยบรรเทาอาการปวดแสบ ปวดร้อน ลดอาการอักเสบ ป้องกันการติดเชื้อ และช่วยฟื้นฟู สมมรรถรภาพของผิวเนื้อส่วนที่ได้รับความร้อน
18. บรรเทาความเครียด
19. ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว
20. ป้องกันการแพ้ต่างๆ
จากคุณประโยชน์มากมายข้างต้น จึงกล่าวได้ว่า โปรพอลิส คือของขวัญจากธรรมชาติ เนื่องจากอุดมไปด้วยสารสกัดจากพืชที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารปฏิชีวนะตามธรรมชาติที่ปราศจากผลข้างเคียง เป็นสารธรรมชาติที่ช่วยหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อโรค

แนะนำรับประทาน : วันละ 2 เม็ด พร้อมอาหาร ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง

ข้อควรระวัง

• การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น Copper Selenium
• การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้
• วิตามินซี ทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี จึงอาจจะเกิดภาวะธาตุเหล็กสะสมตามข้อต่อต่างๆเนื่องจากได้รับธาตุเหล็กเกิน
• การรับประทานวิตามินซีขนาดสูงมากกว่า 1000 mg อาจจะทำให้เกิดท้องเสีย และการรับประทานทานตอนท้องว่าง อาจจะเกิดการระคายเคือง ในกระเพาะและระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากความเป็นกรด หรืออาจจะเกิดอาการท้องอืด เฟ้อ บางครั้งถึงขั้น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว
• วิตามินซี จะที่เกินจำเป็นจะถูกขับทางปัสสาวะ จึงทำให้ปัสสาวะมีสภาพเป็นกรด ดังนั้น จึงเพิ่มโอกาสเกิดการตกตะกอนของผลึก ต่างๆ กลายเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้  ดังนั้น จึงแนะนำให้ทานวิตามินซี พร้อมดื่มน้ำสะอาดมากๆ

Bee Propolis 500 mg